วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

กรณีอาบัติ ต้องปาราชิกหาใช่ใคร!!! คือท่านเอง "พุทธอิสระ"

กรณีอาบัติ ต้องปาราชิกหาใช่ใคร!!!
คือท่านเอง "พุทธอิสระ"
ดูกันให้ชัดเจน...ว่าใครกันที่ทำให้การคณะสงฆ์ปั่นป่วน
ยังมีความเป็นพระหรือไม่..???
สร้างข้อพิพาท ..ต้องการให้พระรูปอื่นลาสิกขาเพื่อการใด??
แล้วไฉน..ท่านไม่เคยดูโทษของตนเอง 
"ผ้าเหลืองร้อนเป็นไฟ" หัวใจท่านทำด้วยสิ่งใด ขอโปรดพิจารณา..
ผู้มีปัญญาเชิญพิจารณา..
กรณีแอบอ้างพระอักษรเกี่ยวข้องกับอาบัติ ดังนี้...

1. กรณีห้ามรื้อฟื้นอธิกรณ์ขึ้นมาใหม่นั้น 
          - ตามพระธรรมวินัย หากการกสงฆ์ (กา-รก-สงฆ์) หมายถึง  พระภิกษุที่ได้รับมอบหมายจากสงฆ์ ให้มีหน้าที่ในกิจนั้นๆ ได้วินิจฉัยอธิกรณ์ไปแล้ว เสร็จสิ้นแล้ว และสงฆ์ก็ยอมรับในคำวินิจฉัยนั้น.
         - พระวินัยแจ้งชัดว่า ห้ามรื้อฟื้นอธิกรณ์นั้นขึ้นมาใหม่.
         - ผู้ที่ไม่มีหน้าที่ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือไม่ได้เป็นผู้ฟ้องเดิม.
         -  ภิกษุผู้ไปรื้อฟื้นอธิกรณ์ขึ้นมาใหม่ ด้วยไม่ถูกใจตน ไม่ถูกใจพวกตน หรือด้วยขัดเคืองใจ เป็นอาบัติปาจิตตีย์.

พุทธอิสระ รื้อฟื้นอธิกรณ์ที่การกสงฆ์ทำเสร็จแล้วตามธรรมตามวินัย ต้องเป็นอาบัติ "ปาจิตตีย์".


ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า 
เรื่องที่ทำนั้นเป็นอาบัติปาจิตตีย์ แต่พุทธอิสระก็ยังขืนทำซ้ำเรื่องเดิมๆ  ใครห้ามก็ไม่เชื่อฟัง เป็นผู้ดื้อด้าน ว่ายากสอนยาก สดงอาการอาฆาตมาตรร้าย สร้างความเอือมระอาแก่หมู่คณะ  ชักเข้าหาอาบัติหนักเป็นสังฆาทิเสส  เพราะเป็นคน  "ว่ายากสอนยาก".
         -  แม้สงฆ์เตือนครั้งที่ 1 ไม่เชื่อฟัง เป็น "อาบัติทุกฏ" 
         -  เตือนครั้งที่ 2 ยังไม่เชื่อฟัง ก็ให้ปรับเพิ่มขึ้นไปอีก เป็น "อาบัติถุลลัจจัย" โทษฐานดื้อด้าน มีพฤติกรรมชั่วหยาบ.
          -  แม้เตือนครั้งที่ 3 ก็จะเป็นอาบัติหนัก ถึงขั้นสังฆาทิเสส  ต้องอาศัยความอนุเคราะห์จากสงฆ์จึงจะออกจากอาบัติสังฆาทิเสสข้อนี้ได้.


         สรุป: พุทธอิสระทำหยาบช้า(ถุลลัจจัย) ต่อสงฆ์ไว้มากมายขนาดนี้ แล้วไซร์ สงฆ์คณะไหนเลยจะอนุเคราะห์ให้พุทธอิสระออกจากอาบัติได้สุดท้ายก็จะตายไปพร้อมกับอาบัติหนัก เข้าถึงทุคติวินิบาต เป็นที่สุด.



2.  กรณีตัวอย่างการพฤติชั่วหยาบ
-  พุทธอิสระมีพฤติกรรมทำลายพระวินัยเป็นอาจิณณ์  เพราะทำผิดซ้ำๆ ในเรื่องเดิมๆ กรณีใช้พระลิขิตรื้อฟื้นอธิกรณ์  คือ
         2.1  ไปยื่นสำนักนายก เป็นปาจิตตีย์ ๑ ข้อ.
         2.2  ไปยื่นดีเอสไอ เป็นปาจิตตีย์ อีก ๑ ข้อ.
         2.3  ไปยื่น ปปช เป็นปาจิตตีย์ อีก ๑ ข้อ
         2.4  ไปยื่นรัฐสภา  เป็นปาจิตตีย์ อีก ๑ ข้อ
         2.5  ทุกครั้งที่ไปยืนแถลงข่าวในที่ต่างๆ กี่ ๆ ครั้ง เป็นอาบัติทุกๆ ครั้งที่แถลง.





3.  การไปรื้อฟื้นอธิกรณ์ ชื่อว่า ตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์ ในเมื่อสงฆ์มีความสามัคคีพร้อมเพรียงกันอยู่ดีแล้ว ยังตะเกียกตะกายเพียรพยายามทำลายสงฆ์ให้แตกสามัคคี เป็นอาบัติ "สังฆาทิเสส"




4 .  ส่วนกรรมอันเป็น "อนันตริยกรรรม" 
สำหรับผู้ที่เข้าพวก เข้าขบวนการพากันตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์ 
ก็ไม่พ้นอนันตริยกรรม เช่นเดียวกัน.

-  ขึ้นชื่อว่า อนันตริยกรรมเป็นกรรมหนักนัก 
แม้แผ่นดินก็ไม่อาจทรงเขาไว้ได้.




5.  สรุปอาบัติ "พุทธอิสระ"

-  ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์  เพราะเป็นผู้ไม่หลงเหลือความดีอยู่เลย.
-  ต้องอาบัติ "ถุลลัจจัย" เพราะมีประพฤติกรรมชั่วหยาบ.
-  ต้องอาบัติ "สังฆาทิเสส" 
เพราะเป็นผู้ว่ายากสอนยาก และเพราะเพียรพยายามตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์ 

ข้อนี้จะต้องอาศัยความอนุเคราะห์จากสงฆ์จึงจะออกจากอาบัตินี้ได้.



6.  ส่วนอาบัติกรณี  กล่าวยืนยันพระลิขิตนั้น 

-  ใคร ๆ อย่าไปเที่ยวยืนยันโดยเด็ดขาดว่าเป็น "ของจริง"
เพราะจะทำให้ "ผู้โจทก์"  

เป็นอาบัติ "สังฆาทิเสส" โดยทันที โดยไม่มีใครปรับอาบัติ

วัตถุประสงค์เพื่อทำลายสงฆ์
ให้สังฆมลฑณเสียหาย
แค่นี้ก็บาปมหาศาลแล้ว
นี่หรือคือ "พระ"


10 ความคิดเห็น:

  1. นั่นสิ!!! เมื่อไรอิดสาร่าจะกลับตัวเลิกทำชั่วสักที

    ตอบลบ
  2. I don't think he is a Buddhist monk.He behaves like a member of a gang.

    ตอบลบ
  3. ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญในพระธรรมวินัยท่านใด ที่เห็นว่าข้อความใดในบล็อกนี้ผิดพลาด คลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้อง ได้โปรดอนุเคราะห์ชี้แจงแทนท่านด้วยนะครับ

    ตอบลบ
  4. ยาวเกินไปครับ มันตบทรัพย์ที่scbและให้การสนับสนุนป็อบคอนไปฆ่าคน ก็ปราชิกแล้ว

    ตอบลบ
  5. ยาวเกินไปครับ มันตบทรัพย์ที่scbและให้การสนับสนุนป็อบคอนไปฆ่าคน ก็ปราชิกแล้ว

    ตอบลบ
  6. นี้แหละมานศาสนาตัวพ่อเลย...

    ตอบลบ
  7. ธรรมมะคือธรรมชาติ พระธรรมคือคำสั่งสอนจากพระพุทธเจ้า สอนให้คนละกิเลส โดยมีศีลคือกฎเกณ ท่านคือพระศีลของท่านทำได้หรือไม่กิเลสท่านตัดได้หรือไม่ ������

    ตอบลบ